Sunday, December 8, 2013

ทำไม She is eats fish ไม่ได้



ผมมักจะเจอคำถามอยู่บ่อยๆว่า ทำไม She ใช้กับ do ไม่ได้ ใช้ does ก็แปลได้เหมือนกัน ใครเป็นคนกำหนด

เรียนภาษาอย่าใช้เหตุผลครับ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาด้วยเหตุผล ต่อให้พยายามใส่เหตุใส่ผลเข้าไปมันก็เท่านั้น คำยกเว้นข้อยกเว้นมากมายไปหมด จำกันไม่หวาดไม่ไหวจนกลายเป็นว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากจนเกินไปที่จะเข้าใจ

เรียนภาษาให้ใช้อารมณ์ไปจับ พยาพยามทำความเข้าใจอารมณ์ของ คำ วลี ต่างๆ คำบางคำมีอารมณ์ในเชิงลบ เช่น
She is a fat person. (หล่อนเป็นคนอ้วน)
She is an overweight person. (เขาเป็นคนน้ำหนักเกิน)
slender(ผอมเรียว) => skinny(หนังหุ้มกระดูก)

แม้แต่ในระดับประโยคก็ยังมีอารมณ์ไม่เหมือนกัน
ถ้าเริ่มต้นด้วย She issssss สมองจะนึกถึงสถานะ ความเป็นไปของคนนั้นๆ

She issssssss slender.

จะเห็นว่าตามหลัง is มักจะตามมาด้วยคำที่บ่งบอกสภาพ เช่น adjective หรือพวก V-ing ทั้งหลาย

ส่วนถ้าพูดถึง eat สมองจะเห็นภาพ ปาก อาหาร เคี้ยว มันเห็นเป็นสิ่งเคลื่อนไหว เป็นการกระทำ ดังนั้นถ้าใช้

She isssssss eat fish.

จะรู้สึกประหลาด เพราะสมองนึกถึงสถาพของคนนั้นๆ กับคำว่ากินซึ่งเป็นอามรณ์ทั่วๆไป มันจะรู้สึกขัดกัน ไม่ต่อเนื่อง

แต่ถ้าเป็น
She is eating.

สมองจะเห็นสถาพท่าทางว่ากำลังหม่ำๆ เป็นสภาพของความเคลื่อนไหว มือกำลังตักปลาเข้าปาก ซึ่งอารมณ์ต่อเนื่องไม่ขัด

อารมณ์ต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ได้ผ่านการซึมซับจากการอ่าน ฟัง ดู ใช้งาน เป็นประจำ และจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าใช้สมองส่วนการวิเคราะห์ เช่น การคำกฎแกรมม่าต่างๆ

"อ่านเป็นประจำ ฟังอย่างต่อเนื่อง ทบทวนอย่างสม่ำเสมอ ลองหยิบประโยคต่างๆมาลองใช้งาน"

เข้าใจผิดๆกับ การแปล VS การอ่าน




ข้อสังเกตเล็กๆจากการฝึกอ่าน


หลายคนสับสนกับการอ่าน (Reading Comprehension) กับการแปล( Translation ) ผมเองก็เคยเข้าใจผิด สิ่งทีผมเคยทำคือ

อ่าน -> แปลตามดิก -> พยายามทำความเข้าใจประโยคที่แปล

ผลคือ = งง เครียด เวียนหัว ท้อ


จริงๆแล้ว การอ่าน คืออ่านเพื่อทำความเข้าใจ การอ่านที่ถูก ต้องอ่านแล้วเข้าใจได้เลยทันทีไม่จำเป็นต้องแปลก่อน

อ่าน -> เข้าใจ

ส่วนการแปลนั้นจะยากและใช้พลังสมองกว่ามาก เพราะต้องอ่านเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน จากนั้นถึงค่อยๆเอาความเข้าใจมาสร้างเป็นประโยคในภาษาใหม่ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมและการใช้ภาษาของภาษานั้นๆ

อ่าน -> เข้าใจ -> แปล

การฝึกอ่านที่ถูกต้อง ใครที่อ่านแล้วต้องมานั่งแปลเป็นภาษาไทยอยู่ตลอดทั้งเล่ม ให้ถอยไปอ่านหนังสือที่ง่ายลงกว่านี้นะครับ ดังนั้นฝึกอ่านให้ถูกต้อง จะสนุกแล้วจะไม่เครียด ภาษาจะพัฒนาไปได้ไวมากๆเลยหล่ะครับ

Sunday, December 1, 2013

เรียนภาษากับนายกยิ่งลักษณ์

ประเทศกำลังร้อนระอุเลยนะครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราลองมาเรียนภาษากับสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นเลยดีกว่า

บทสัมภาษณ์ล่าสุดของนายกยิ่งลักษณ์ กับ BBC ข่ายมีให้อ่านอยู่ทั่วไป ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นในแง่การเมืองนะครับ เราเน้นในเรื่องภาษากันดีกว่า


คำไหนไม่รู้ จดเอาไว้นะครับ เดียวเจออีกบ่อยๆแน่นอน

Yingluck : I will say that some group of the people might not accept us, but please ask many of the people..because the majority of people support us. We also doing all the policy to run the country. But anyway, I came from the election. I think this is one thing that the way to tell that this government satisfy with the people is democracy. I think this is a way that the thing should be. So, that's why myself and government came from the election, so I think the election and democracy has the process to monitor and to be judged and to evaluate myself that whether I should be in this position or not.

Reporter : In that case, why don't you call a new election now?

Yingluck : I would if the situation is stop, (I would be call a new election), but now the situation is not stop. Right now, we open the dialog ( for it ). What ever we keep the dialog, what ever we keep the peaceful way, we keep the following the rule of law. That will be the right answer.

Reporter : So you don't want to call an election now, but maybe later?

Yingluck : If we call it with the election, we have to ask the potesters would satisfy or not.

Reporter : They might not be, but if you call an election, it would take some of the pressure now. People would focus on campaigning. Wouldn't be the good solution, right now?

Yingluck : I think we should see the situation, and I think right now, we need to make sure that the government can go on and run. If we can clear this (situation) first. Then, we can discuss and how we can handle the country... how we can move forward.

Reporter : If this protest carry on this way. Will you at some stage have to use force against them... deploy the polices use much tougher method? What do you think?

Yinkluck : No. I think the police can handle with the situation.

Reporter : They are not handling it. They are backing off out there. I believe they are doing nothing about it.

Yinkluck : We don't want to confront, we are using the law, that is why. If we move forward with the police, it would make people unhappy. We need to be very careful, because this situation is very sensitive. It does not mean that the government just..like.. back off. I think we have our position and stand point. Let policemen follow step by step. The first step is negotiation.

Reporter : Give us how much pressure is on you. Why don't you just give up a job and go back to your business job. You get much less pressure, much less abuse.

Yinkluck : The most important things that my government came from election. I don't want other way of unlawful undemocracy... We need to make sure that the system is still can go on.

Reporter : Don't you get tired of doing this job, that you just think that sometimes I'm giving enough now. I want to do something else.

Yinkluck : NO. I think this job of the priminister have to make sure that the country is peaceful. I think that for myself I devote myself for the country. I'm not being tried. I will not being...like...upset, but I think only one thing that we have to fight for remain democracy

อย่าจำการใช้ภาษาของนายกไปใช้นะครับ เพราะเขาใช้งานผิดมากมายหลายจุด แต่ก็ขอชื่นชมในความมั่นใจที่กล้าจะใช้ภาษา ถึงแม้จะพูดผิดๆถูกๆ แต่ก็สื่อสารกันเข้าใจได้นะ ดังนั้นไม่ต้องไปกลัวครับ

อยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่องๆ ทำอย่างไร

image from : hardboiledpoker.blogspot.com
ผมเคยเขียนบทความเรื่องการพูดไปเมื่อนานมาแล้ว พูดสำคัญไฉน แต่บทความนั้นแค่พูดถึงความเข้าใจผิดๆทางการพูด แต่วันนี้จะเน้นว่า เราจะฝึกพูดอย่างไรให้พูดได้คล่อง

หลายต่อหลายคนบอกว่า
ง่ายๆ อยากพูดคล่องก็ต้องหัดพูดสิ

จริงๆแล้วพูดครึ่งเดียวครับ ลองคิดดูสิครับว่าจะพูดได้อย่างไรให้ถ้าไม่มีอะไรในหัว? คิดง่ายๆเหมือนเครื่องจักกรหน่ะครับ ถ้าไม่ใส่วัตถุดิบเข้าไป แล้วมันจะผลิตของได้อย่างไร?

ถ้าเราพยายามเค้นที่จะพูดโดยสร้างประโยคจาก สำนวนภาษาไทย และแกรมม่าในภาษาอังกฤษ แบบนี้คือฝันร้ายเลยครับ!! เรามักจะได้ประโยคที่ผิดเพี้ยน อย่างไม่เป็นธรรมชาติ แล้วเราก็หัดพูดประโยคผิดๆ ซึ่งเป็นการหัดสมองให้เข้าใจในรูปประโยคที่ผิดๆ ยิ่งหัดมากยิ่งมั่วมาก แก้ไขลำบากทีหลังแน่นอน! ผมเจอมากับตัวทำเอาเครียดเลยครับ

Key สำคัญของการพูดคือ "การฟัง" ครับ

เพราะการฟังเป็นการฝึกให้สมองจดจำรูปเสียงประรูปประโยคที่ถูกต้องโดยธรรมชาติ เมื่อถือเวลาต้องใช้สมองจะสามารถดึงความจำที่ได้จากเสียงที่เคยได้ยินออกมาได้

ดังนั้นอยากพูดคล่อง ต้องฟังให้คล่องก่อน
1. ฟังเรื่องที่เราเข้าใจ90-100% เข้าใจพอที่จะสร้างภาพในหัวได้ทันทีโดยไม่สนใจรูปภาษา คำแปลเป็นภาษาไทยก่อน
2. ฟังบ่อยๆ ฟังเป็นประจำ
3. ฟังเรื่องที่เราสนใจและสนุก
4. ออกเสียงตาม ถ้าออกให้พยายามออกให้เหมือนที่สุด
5. นำสำนวนที่เคยฟังออกมาพูด มาใช้อยู่เสมอๆ


ถ้าเป็นการสื่อสาร จะพูดผิดดีกว่าไม่พูดเลย แล้วถามเขาว่าพูดแบบนี้ถูกหรือปล่าว

พูดอย่างมั่นใจ ถึงจะพูดผิดถูกไปบ้าง ถ้าสื่อสารได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว จากนั้นเราค่อยถามทีหลังว่าพูดแบบไหนถึงถูก


Wednesday, November 27, 2013

ฝึกภาษากับ Google Translate

เรียนภาษาเดียวนี้ทำได้ง่ายกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนมากๆ อินเตอร์เนตความเร็วความเร็วสูงหาได้ง่ายทั่วไป ที่สำคัญคือเดียวนี้มีโปรแกรมดีๆอย่าง Google ทำให้ชีวิตเราง่ายมากขึ้น

Google Translate เป็นโปรแกรมแปลภาษาที่มีชื่อเสียงทางด้านไม่ดี (infamous, notorious) อันเนื่องมากจากแปลภาษาไทยได้แย่ ความหมายผิดเพี้ยนไปหมดจนหลายคนตั้งชื่อเล่นให้มันว่า กูเกิ้ลขากเสลด แต่สำหรับผมโปรแกรมนี้สุดยอดเลยครับ วันนี้ผมจะมาบอกเทคนิคที่หลายคนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับ Google Translate โปรแกรมสุดเยี่ยมอันนี้กัน

คำศัพท์สำคัญครับ แต่การเปิดพจนานุกรมดูความหมายเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เข้าใจความหมายไม่ครบรอบด้าน ใช้งานไม่เป็น ตัวอย่างการใช้คำถือเป็นเรื่องจำเป็นต่อการเรียนรู้ แต่ตัวอย่างการใช้งานในพจนานุกรมก็มีน้อยเสียเหลือเกิน โดนเฉพาะอย่างยิ่งคำศัพท์เก่าๆ หรือศัพท์ยากๆ
จาก Longman dictionary

สมมุติว่าผมอยากจะเรียนรู้คำศัพท์ munificent ผมแค่พิมพ์ใส่ลงไปในช่องแปลเลยครับ

จะเห็นว่าหน้าจอมีเครื่องมือมากมายให้เราได้เรียนรู้
กดปุ่มข้างๆนี้เพื่อยดูตัวอย่างเพิ่มเติมการใช้งานได้


ถ้าตัวอย่างยังไม่เยอะสะใจ ก็กดขอตัวอย่างเพิ่ม (อันนี้ผมชอบมาก) ทำให้เราเข้าใจคำและการใช้คำอย่างชัดเจน


 นอกจากนั้น อย่าลืมที่จะฟังการออกเสียง ออกเสียงตามให้เหมือน ฟังหลายๆรอบหน่อย

ด้านขวาของช่องมีการบอกคำแปล (อย่าเชื่อถือมากครับ) ที่สำคัญคือมีหน้าที่คำบอกให้เรียบร้อย ในที่นี่คือคำคุณศัพท์

ยังไม่หมด ระบบยังมีคำเหมือนให้ดูเล่นๆอีกด้วย (อย่าเชื่อมากนะครับ เพราะแต่ละคำใช้งานไม่เหมือนกัน มีอารมณ์มีความหมายแฝงต่างกัน ถ้าจะใช้ให้แน่ใจจริงๆว่าเข้าใจคำนั้นๆอย่างถูกต้อง)

ที่สำคัญคือเราสามารถเก็บคำนั้นเอาไว้ทบทวนวันต่อๆไปได้  สำคัญมากต้องทบทวนครับ



จะเห็นว่าเวลากดเก็บแล้ว มันจะไปเก็บไว้ที่สมุดบันทึกของเรา



ส่วนคำแปลภาษาไทยถ้าเราเห็นว่าภาษาไทยแปลได้ถูกต้อง อย่าลืมประเมินให้ระบบด้วยนะครับ เพื่อให้การแปลภาษาไทยทำได้แม่นยำมากขึ้น ส่วนหนึ่งที่ระบบแปลได้แย่เพราะเราไม่ค่อยประเมินกันเท่าไหร่ คอมพิวเตอร์เลยไม่รู้ว่าอะไรคือแปลดี อะไรคือแปลแย่

***แถม***
เราสามารถหาความหมายของคำได้จาก google search ธรรมดาด้วยนะครับ จะได้รายละเอียดคำมากกว่า ให้ลองกดปุ่มใหญ่ๆข้างล่างกรอบ

จะเห้นข้อมูลมากมายให้เราเรียนรู้ ทั้งคำเหมือน คำตรงข้าม ต้นกำเนิดคำ ที่ผมชอบมากคือกราฟที่บอกว่าคำนี้นิยมใช้งานมากแค่ไหน ถ้าใช้งานกันเยอะๆ แสดงว่าสำคัญมากน่าจะจำให้ได้ดีๆ แต่ถ้าใช้งานกันไม่มากก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่ต้องจำมัน แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย


ลองดูครับ

Sunday, November 24, 2013

เครียด!!!! จัดการอย่างไรดี

image from : www.telegraph.co.uk
แน่นอนครับว่าเรียนภาษาสนุกก็จริง แต่หลายครั้งทำเครียด และเครียดมากเสียด้วย เวลาเรียนภาษาเรียนเท่าไรก็เหมือนว่าไม่พัฒนาขึ้นเสียที ทำมาตั้งนานแล้ว 3 เดือนผ่านไปแล้ว 4 เดือนผ่านไปก็แล้ว หลายคนก็เลิกที่จะเลิกล้มความตั้งใจกันไป  คนเรามีความสามารถทางภาษาทุกคนครับ เราสำเร็จได้ไม่ย่อท้อ 

แต่เมื่อความเครียดมันเกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถจัดการความเครียดเหล่านั้นได้อย่างมากขึ้น เราลองมาเข้าใจความเครียดกันดีกว่าครับ

ลองเข้าไปดูในวิดีโอนี้นะครับ แต่ผมขอสรุปให้สั้นๆสำหรับคนที่พื้นฐานน้อย (คนพื้นฐานเริ่มดีแล้ว ให้เข้าไปดูเองนะ อย่าอ่านแล้วผ่านไป ถือเป็นการฝึกภาษานะครับ! )




เราเคยเข้าใจกันมาว่าความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆมากมาย อาทิเช่นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมีอัตราการเสียชีวิตสูงจัดการกับความเครียด ซึ่งก็จริงตามนั้นครับ คนมีความเครียดจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าขึ้นถึง 30% 

แต่... ไม่จริงทั้งหมด คนที่เชื่อว่าความเครียดเป็นอันตรายต่อร่างกายเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบการเสี่ยงการตาย 

แต่ในทางกลับกัน คนที่มีความเครียดมาก แต่ไม่เชื่อว่าความเครียดมีอันตรายต่อร่างกาย กลับไม่ได้ผลกระทบใดๆกับร่างกายเลย

ฮอโมนอ๊อคซี่โทซิน เป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาเวลาเรากอดใครสักคน เป็นสารเคมีที่สร้างความสำพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวและเพื่อนฝูง และทำให้เราเป็นคนเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น

แต่เมื่อเราเกิดความเครียดขึ้น ฮอโมนนี้จะถูกปล่อยออกมามากมาย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลาเราเครียดเราจะคิดถึงคนที่เรารัก อยากจะคุยอยากจะกอดอยากจะพบหน้า

แต่หน้าที่สำคัญของฮอโมนอ็อคซี่นี้ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบหัวใจอันเนื่องมาจากความเครียด ช่วยให้กล้ามเนื้อต่างๆผ่อนคลาย และที่สำคัญคือช่วยให้เซลหัวใจซ่อมแซมจากความเสียหายอันเนื่องมาจากความครียด พูดง่ายๆคือเป็นฮอโมนที่ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น

ฮอโมนออกซี่โทซินทำงานได้ดี และปล่อยออกมามากขึ้นเมื่อเราได้คุยกลับคนที่เรารักคนที่เราห่วงใย

ดังนั้นเราควรปฎิบัติดังนี้ครับ
  1. ถ้ามีความเครียด ให้มีสติ และเชื่อมั่นว่าความเครียดคือการเตรียมพร้อมร่างกายให้พร้อมสู้ เผชิญต่อปัญหา 
  2. เพื่อคนที่เรารักพบกับความเครียด ให้เข้าไปคุย ไปปลอบโยน อย่าซ้ำเติม!
  3. ความคิด ความเชื่อของเรา สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ ดังนั้นคิดแต่เรื่องที่ดี ที่เป็นประโยชน์ อย่าด่าตัวเอง อย่าซ้ำเติมตัวเอง ให้ให้กำลังใจตัวเองจะดีกว่า


ง่ายๆ แค่นี้ ชีวิตก็จะมีความสุข อายุยืนยาว ทำอะไรก็จะประสบผลสำเร็จครับ

Tuesday, November 5, 2013

จดศัพท์อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ให้เข้าไปที่

http://www.ted.com/talks/julian_treasure_5_ways_to_listen_better.html

เปิด Captions ภาษาอังกฤษ น่าดูแล้วคำไหนไม่รู้จดคำศัทพ์เลยนะครับ

ผมจดให้ดูคราวๆ วิธีการจดให้จดมาทั้งประโยค
สัญลักษณ์แบบนี้ ## คือความหมายนะครับ ใครอยากจะใช้สัญลักษณ์อื่นก็ไม่ว่ากัน

We retain just twenty five percent of what we hear.
## To keep something or continue to have something.

ถ้ามันอยู่รวมกัน ให้ขีดเส้นทั้งยวง
 Let's define listening as making meaning from sound. It's mental process.
## Relating to state of someone's mind.

You would literally cease to hear it.
## According to the most basic meaning of a word or expression.

The world is now so noisy, with this cacophony going on visually and auditorily.
## A loud unpleasant mixture of sounds.

มันมักจะใช้คู่กับ take ก็หยิบมาทั้งหมดเลย
Many people take refuge in headphones.
# protection from something.


We're becoming impatient. We don't want oratory anymore.
## The skill of making powerful speeches.


We're becoming desensitized. Our media have to scream at us with these kinds of headlines in order to get our attention.
## To make someone react less strongly to something by making them become used to it.
## [ Desensitize somebody to something. ] (ถ้าเจอวิธีใช้ ก็จดไว้ด้วย )

อย่าลืมว่าหยิบมาทั้งยวง
And that mean's it's harder for us to pay attention to the quiet, the subtle, the understated.
## When you carefully listen to about something.

Just three minutes a day of silence is a wonderful exercise to reset your ears and the recalibrate so that you can hear the quiet again.
## พอเดาได้ก็เดาเอาครับ

Mundane sounds, for example tumble dryer.

อย่างคำนี้ถ้าเปิด Dict ภาษาไทยจะแปลว่า "เบื่อ"  ซึ่งอาจทำให้เอาไปใช้งานผิดได้ ดูจากประโยคที่เขาใช้ไม่น่าจะแปลว่าเบื่อเลยถูกไหมครับ

แต่ถ้าเปิด Dict ENG จริงๆแล้วมันเบื่อแนวๆแบบว่า
#It's boring because it is connected with things you do regularly as a part of your daily life.
ซึ่งถูกต้องเลย

ไม่จำเป็นต้องจดทั้งวิดีโอก็ได้ค่อยๆไป ถ้าไม่รู้คำมาก ก็เปลี่ยนวีดีโอ หรือไม่ก็ทำครั้งละ 2-5 นาที แต่ถ้ารู้เยอะก็ดูนานหน่อย ตามระดับภาษาของใครของมันนะครับ

อย่าท่องคำแปล ให้แค่รู้ความหมายและจิตนาการภาพฝังไปกับคำนั้นๆ แล้วเริ่มฟังซ้ำๆ จนกว่าจะเข้าใจ 90-100% ถือว่าสำเสร็จครับ

ถ้ายังไม่มั่นใจความหมายของคำนั้นๆ ให้ไปลองดูตัวอย่างประโยคในกูเกิ้ล จนกว่าจะมั่นใจความหมาย อย่าท่องคำแปล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าท่องคำแปลเป็นภาษาไทย เน้นเลยนะครับ ใครทำขอให้ใช้ภาษาอังกฤษผิดๆ ไปทั้งชาติ เพี่ยงๆๆ

ขั้นตอนสุดท้าย ทบทวนๆ จำได้ไหมครับทบทวนยังไง 
1. ทบทวนตามเวลา ( Spaced repetition )
5 seconds, 25 seconds, 2 minutes, 10 minutes, 1 hour, 5 hours, 1 day, 5 days, 25 days, 4 months, and 2 years.
2. พูดเป็นประโยคออกเสียงดังๆ
3. จิตนาการภาพ
4. หัดแต่งประโยคโดยเปลี่ยนคำนามง่ายๆ

ใครทำตามแนะนำ ขอให้ใช้ภาษาอังกฤษเก่งๆได้ไวๆ


ปล. เป็นวิธีการฝึกที่อิงจากงานวิจัยนะครับไม่ได้มั่วเอง ซึ่งทดสอบแล้วได้ผลจริง!


Tuesday, October 29, 2013

เทคนิคลับท่องศัพท์ได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะประสบปัญหาท่องเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว ลืมอย่างรวดเร็ว แค่นั้นยังไม่พอ ท่องแล้วแต่ใช้งานไม่เป็นอีกต่างหาก ในความเป็นจริงการเอาคำศัพท์มาท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง เป็นการฝืนธรรมชาติของมนุษย์! จริงๆแล้วสมองมนุษย์มหัศจรรย์มากครับเพียงแต่เราไม่รู้วิธีการใช้อย่างถูกต้อง นักวิทยาศาสต์ต่างก็พยายามไขความลับของสมองมนุษย์กันอยู่ ผมไม่แนะนำให้ท่องศัพท์เพื่อเพียงแต่คิดว่าจะทำให้เก่งภาษาไวขึ้น (เพราะดดยความเป็นจริงมันไม่ไวอย่าที่คิด) แต่ถ้าอยากจะท่องจริงจริ๊งๆให้ทำอย่างไรดี.

ผมมีเทคนิคลับสุดยอดมาฝาก ซึ่งเทคนิคนี้นำมาจากงานวิจัยที่มีชื่อเสียงทางการศึกษาภาษา ของ Dr. Paul Pimsleur ซึ่งเขาถือว่าเป็นไอสไตน์ทางภาษาเลยทีเดียว วิธีนี้จะฝึกสมองส่วนของภาษาโดยตรง(ใครสงสัย ให้ไปอ่านบทความ แกรมม่ายิ่งเรียนยิ่งโง่) เป็นเทคนิคที่ได้ผลรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังให้เราใช้งานคำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งการฟังและการออกเสียง

ลองทำดูแล้วจะประหลาดใจว่า OH MY GOD!! IT WORKS! ไม่เชื่อให้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ

1. เตรียมสถานที่
ให้อยู่ในที่เงียบ และมีสมาธิ เตรียมสมองให้พร้อม

2. หาความหมาย
สมุติว่าผม อยากท่องคำว่า Facilitate ให้เข้าไปในเว็บ dictionary online ที่ไหนก็ได้ที่มีเสียงอ่าน ความหมาย และตัวอย่างประโยค เช่น http://dictionary.cambridge.org/us

จากนั้นค้นหาคำว่า Facilitate ในเว็บ อ่านคำแปล อ่านตัวอย่างประโยคคร่าวๆ

3. เริ่มจากการฟังก่อน (เน้นเลยนะครับฟัง)
พอเราเริ่มรู้ความหมายของคำแล้ว ให้กดฟังเสียงอ่าน จากนี้ให้หยุดมองจอเลยครับ ฟังอย่างเดียว ไม่ต้องนึกถึงตัวอักษรทั้งสิ้นหยุดคิดเรื่องอื่น แล้วพูดตามดังๆ พูดตามให้เหมือนเสียงที่ได้ยิน ทำซ้ำจนกว่าจะจะออกเสียงได้เหมือน

4. ฟังรูปแบบประโยคตัวอย่าง
เอารูปแบบประโยคตัวเองมากดฟัง ใครมี Longman dictionary ที่เป็นโปรแกรมในเครื่องจะมีเสียงประโยคตัวอย่างพร้อม (แนะนำว่า ใครไม่มีรีบไปซื้อเลยครับ ร้านซีเอ็ดมีขาย ซื้อมาเอาแต่ CD มาใช้ ส่วนหนังสือทิ้งไป ) แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ก็เข้า google translate แล้วให้เว็บพูดให้ฟัง

ฟังแล้วจิตนาการภาพตาม พูดตามไปด้วย ทำซ้ำจนกว่าเราจะมีความสามารถในการได้ยินประโยคสร้างภาพได้ ประมาณ 4-5 รอบ แล้วแต่คน เน้น! จิตนาการภาพ ไม่ใช่ตัวหนังสือ นะครับ

5. หัดสร้างประโยคง่ายๆ
ให้ลองพูดประโยคง่ายๆที่มีคำศัพท์คำนั้น เอาประโยคตัวอย่างมาเปลี่ยนคำนามเฉยๆ

เช่น ถ้าประโยคตัวอย่างเป็น
Computers can be used to facilitate language learning.

เราก็เปลี่ยนเป็น
Novel books can be used to facilitate language learning.

เน้นนะครับว่า พูดเอา อย่าเขียน พูดออกมาเสียงดังๆ

6. ให้ทบทวน
สำคัญมากครับ ต้องทบทวน! แต่ให้ทบทวนตามเวลาดังนี้

5 seconds, 25 seconds, 2 minutes, 10 minutes, 1 hour, 5 hours, 1 day, 5 days, 25 days, 4 months, and 2 years.

วิธีทบทวนใช้วิธีเดิม คือฟังคำ และฟังตัวอย่างประโยค ถ้าจะให้ดีเวลาทบทวนให้หาตัวเองประโยคใหม่ๆมาฟังด้วย

7. เริ่มเน้นอ่านเมื่อพร้อม
หลังจากทบทวนฟังไปประมาณช่วง 1 วัน หรือ 5 วัน หรือจนกว่ามั่นใจว่าใช้งานคำโดยการพูดได้ถูกต้อง และอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ให้เริ่มอ่านได้ครับจะเขียนจะจดอะไรก็ตามสบาย

8. ใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน
ท่องน้อยๆคำต่อวัน 3-5 คำ ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องรีบครับ ทำประมาณวันละ 30 นาทีไม่ขาดไม่เกิน เพราะ 30 นาทีคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่สมองจะเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คนที่ทำได้อย่างถูกต้องสมองจะเกิดสภาวะเพลงติดหัว เคยเป็นไหมครับเวลาฟังเพลงแล้ว เพลงมันวนในหัวเอาไม่ออก แต่แทนที่จะเป็นเพลงดันเป็นคำศัทพ์แทน นี่คือธรรมชาติที่สมองเรียนรู้ภาษา คือพลังที่ซ่อนเร้นที่หลายคนไม่รู้ 

แต่ผมยังเน้นนะครับว่าให้ ฟัง และอ่าน หนังสือบทความที่ฝรั่งใช้ให้มาก เพราะว่าคำต่างๆเหล่านั้นเป็นคำที่เขาใช้กันบ่อยๆ และทำให้เราใช้ภาษาได้ไว ส่วนเทคนิคการท่องศัพท์นี้เอาไว้ใช้กรณีที่จำเป็นต้องท่อง หรืออยากได้คำศัพท์นั้นจริงๆเท่านั้น อย่าท่องเพราะคิดว่าอยากได้ภาษาไวๆ เพราะมันไม่ไวเท่าการฟังและอ่านหรอกครับ

Friday, October 25, 2013

สูตรลับเพื่อสอบ TOEFL


image from : www3.algonquincollege.com
ใครที่กำลังเตรียมสอบ TOEFL , IELTS, CU TEP และอื่นๆอีกมามาย ผมมีเทคนิคลับสุดยอดมาฝาก รับรองว่ารู้เทคนิคนี้แล้วสอบได้คะแนนสูงลิ่วแบบไม่น่าเชื่อเลยหล่ะ พร้อมไหมครับ?

สูตรลับการสอบคือ...ฝึกภาษาไปเรื่อยๆจนใช้งานได้ดีเสียก่อน แล้วไปถึงซื้อหนังสือเตรียมสอบมาอ่าน

แค่นี้แหละครับสูตรลับของผม ลองเอาไปทำดูนะ

สูตรลับนี้ผมได้มาจากประสบการณ์ตรงเลยหล่ะ รู้ไหมครับว่าผมสอบ TOEFL ถึง 5 ครั้งภายใน 3 ปี ผมก็ไม่ได้มีเงินร่ำรวยแต่เพราะความเข้าใจผิดๆ ทำให้ผมต้องเสียเงินอย่างเปล่าประโยชน์ ด้วยความเข้าใจผิดที่ว่าไปเรียน TOEFL ตามโรงเรียนคงจะทำให้ผมสอบได้คะแนนดีๆอย่างที่โฆษณา

ผิดถนัดเลยครับ!

  1. คอส TOEFL ทั้งหลายแหล่ ไม่ได้ทำให้คุณสอบได้คะแนนสูงถ้าไม่มีพื้นฐานที่แน่นเสียก่อน เพราะคอสเหล่านี้ไม่ได้ปูพื้นฐานให้คุณเลยครับ เขาสอนการทำข้อสอบ
  2. ถ้าพื้นภาษาไม่ดีถึงระดับหนึ่งอย่าไปสอบให้เสียเงินเปล่าเลย ทั้งเสียเงิน เสียเวลา และเสียกำลังใจ

แต่ถ้าพื้นฐานคุณดีอยู่แล้ว หนังสือเตรียมสอบ TOFEL ทั้งหลายจะช่วยให้คุณเข้าใจแนวข้อสอบมากขึ้น โดยไม่จำเป็นเลยที่ต้องไปเรียนตามโรงเรียนต่างๆ

ผมเข้าใจครับว่าหลายคนต้องการใช้คะแนนสอบอย่างเร่งด่วนเลยต้องหาทางลัดต่างๆ ผมตกอยู่ในสถานะการณ์นั้นมาแล้ว ทางลัดที่ผมยอมเสียเงินไปมากมายไม่ได้ช่วยให้ลัดได้จริง  ( มันเครียดมาก )

วิธีที่ทำให้ผมสามารถสอบ TOEFL ได้คะแนนสูงได้คือวิธีง่ายๆอย่างที่ผมบอกไปแล้ว

ฟัง และอ่าน ภาษาอังกฤษในระดับที่คุณเข้าใจประมาณ 80-90% ทำเรื่อยๆจนพื้นฐานภาษาของคุณแน่นเสียก่อน  (เปิดหนังสือ TOEFL อ่านดูถ้าอ่านเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เครียด แสดงว่าพื้นเริ่มแน่นแล้ว) ถึงค่อยไปเตรียมสอบถึงจะเป็นทางลัดเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามเตรียมสอบแบบโดยไม่สนใจพื้นฐาน ยิ่งทำให้คุณเรียนรู้ช้ามากขึ้น 

ถึงแม้ว่าคุณโชคดีสอบได้คะแนนผ่านเกณแบบเฉียดฉิว สุดท้ายคุณจะมาลำบากในสถานะการณ์ที่ต้องใช้ภาษาอยู่ดี มันจะเครียดยิ่งกว่าเตรียมสอบมาก่อนมากครับ

ใจเย็นๆ ใช้ภาษาให้สนุก กลับได้ผลลัพท์ที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยหล่ะ




Thursday, October 24, 2013

ฝึกภาษากับคอมพิวเตอร์เกม

พูดถึง Computer Games มักจะมีอยู่ 2 กระแส ชอบสุดๆ( Gamers ) หรือไม่ก็เกลียดสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวในแง่ลบเรื่องเด็กติดเกม (Video Game Addiction) ออกกันอย่างครึกโครม เกมเลยดูเป็นผู้ร้ายในสายตาของใครต่างใครหลายๆคน ซึ่งในความเป็นจริงคอมพิวเตอร์เกมไม่ได้โหดร้ายอย่างนั้นหรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้นในระยะหลังๆนี้ เกมได้ถูกนำมาใช้ในวงการการศึกษา และทางการแพทย์กันมากมายเลย

สำหรับพวกเราแล้วเกมคือเครื่องมือฝึกภาษาอย่างดีเลยหล่ะ เพราะเกมทำให้เราต้องอยู่ในสถานการณ์การที่ต้องใช้ภาษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เกมแบบไหน และจะเล่นอย่างไรถึงจะได้ภาษา ผมมีเคล็ดลับมาฝากครับ

1. เล่นเกมแนวที่มีเนื้อเรื่องยาวและซับซ้อนพอสมควร

เกมแนว RPG ( Role Playing Game )
ที่เราต้องสมบทบาทเป็นตัวละครในเกม เกมดังๆมีเยอะมากครับผมยกตัวอย่าง เช่น

image from: masseffect.bioware.com
Mass Effect Series ใครชอบ sifi แนะนำเลยนะครับ
The Elder Scrolls V : Skyrim แต่ถ้าชอบ The lords of the rings อาจจะชอบเกมนี้
Fallout 3 ออกแนวนิยายวิทยาศาสตร์
LA noir แนวนักสืบ

เกมแนวจำรองสถานการณ์ (Simulation) 
มีเยอะแยะมากมาย เช่น

image from : gamefitnation.com
SimCity แนวสร้างเมือง
The Sims 3 แนวจำลองชีวิตคน
Anno 1701, Anno 2070 สร้างเมือง

เกมแนววางแผน (Stategy)
ใครชอบเล่นพวกเกมที่ต้องใช้สมองคิดเยอะๆเช่น หมากกระดานทั้งหลาย น่าจะชอบ เช่น
image from : www.joshuakennon.com
Sid Meier's Civilization V

เกมแนวนิยาย (Virtual Novel ) 
เกมแนวนี้ไม่ต้องทำอะไรมากครับ เหมือเรานั่งอ่านนิยายเสียมากกว่า เช่น

Dear Esther นิยายเชิงสยองขวัญ แต่ไม่น่ากลัวครับ เป็นบรรยากาศสวยๆริมทะเล แต่ศัพท์ที่เขาใช้ในเกมยากๆทั้งนั้น ไม่แนะนำสำหรับพึ่งเรียนนะครับ

แต่สำหรับผม ผมแนะนำเกมนี้เลยครับ
image from : wikipedia.com
The Stanley Parable ผมว่าเป็นเกมที่เล่นสบายๆ ไม่ต้องคิดมาก เสียงพากษ์และซัพประกอบตลอดทั้งเกม เล่นง่าย แต่ได้ข้อคิดเยอะ

2. เล่นอย่างน้อย 45 นาที 
จากงานวิจัยพบว่า 15 นาทีแรกเป็นเพียงให้สมองเกิดสมาธิเท่านั้น แต่ถ้าให้สมองได้พัฒนาและเรียนรู้ต้องเล่นต่อไปอย่างน้อย 45 นาที หลักการนี้เอาไปให้กับการอ่านได้ด้วยนะครับ

3. เล่นเป็นประจำ
เล่นๆหยุดๆ จะไม่เกิดการเรียนรู้มากนักนะครับ

4. เล่นแล้วต้องรู้สึกสนุก
เกมสอนเด็ก A B C ถ้าเล่นแล้วสนุกก็เล่นได้ครับ แต่ถ้าไม่สนุกก็ไม่จำเป็นต้องเล่น


โดยทั่วไปเกมจะมีขายตามร้านขายเกมในห้างครับ แต่ถ้าที่บ้านมีอินเตอร์เนตไวๆ ก็ซื้อผ่านบริการร้านค้าออนไลน์ได้ที่ http://store.steampowered.com/ มีเกมให้เลือกมากมาย มีเกมถูกๆลดราคาอยู่เรื่อยๆ

ผมสนับสนุนให้ซื้อเกมถูกลิขสิทธิ์นะครับ เนื่องจากผมก็เป็นนักพัฒนาเกม ผมเข้าใจความยากลำบากกว่าจะได้เกมออกมาเกมนึง ต้องใช้ระยะเวลาและความพยายามอย่างมากเลย

ใครสนใจอยากเล่นเกมที่ผมกับทีมทำ ลองเข้าไปโหลดเล่นกันได้ ฟรี ที่
www.kravenmanor.com
รีบๆโหลดหล่ะ เดี๋ยวจะไม่ฟรีแล้วนะ


References
http://www.lingualgamers.com/thesis/
http://lingualgames.wordpress.com/article/10-key-principles-for-designing-video-27mkxqba7b13d-2/
http://beditionmagazine.com/using-video-games-in-a-new-language-of-learning/