Friday, August 29, 2014

ทำเป็นต้องท่องศัพท์ทำไงดี? (เทคนิคที่ทำให้ท่องศัพท์จำได้ไม่ลืม)

ถ้าท่านไหนได้ติดตามบล๊อคนี้มาตั้งแต่เริ่ม คงจะทราบดีว่าผมไม่แนะนำให้ท่องศัพท์โดยไม่จำเป็น เพราะทำให้เสียเวลาปล่าวๆ แถมถ้าจำไปใช้งานผิด จะแก้ไขลำบาก 

ผมแนะนำให้ใช้วิธีอ่านให้มาก ฟังให้มาก อาจจะจดศัพท์เพื่อทบทวน แต่ไม่ให้ท่องโดยไปลอกมาจากหนังสือหรือเว็บ

แต่ในบางสถานะการณ์ที่เราต้องท่องเพราะศัพท์นั้นๆ เป็นคำที่พบไม่บ่อยนัก เป็นศัทพ์ยากแต่จำเป็นต้องรู้เพราะจะนำไปสอบหรืออ่านหนังสือวิชาการ ดังนั้นเราจะท่องอย่างไรให้ได้ผลดี จำได้แม่น?

เทคนิคนี้ผมได้มาจากคุณ Gabriel Wyner ผู้เชื่อชาญทางภาษาที่ใช้ภาษาได้หลายภาษา สำคัญคือเขาสามารถเรียนภาษาในระยะเวลาที่สั้นอย่างเหลือเชื่อ ไม่ใช่เพราะว่าเขาเก่งกว่าคนทั่วไป เพียงแต่เขารู้วิธีปลดล๊อคพลังสมองที่มีอยู่ในตัวทุกๆคน โดยเทคนิคที่เขาใช้เป็นการพัฒนามาจากงานวิจัยทางประสาทวิทยา (Neural Science) 

ผมนำเทคนิคนี้มาใช้ก่อนที่จะนำมาโพส เพราะอยากจะให้ทุกท่านได้รับข้อมูลเทคนิคที่ได้ผลจริง ไม่ใช่มาจากการมโนไปเอง ผมทำการทดลองกับ GRE word list ซึ่งเชื่อว่าหลายท่านคงทราบดีว่าเป็นคำที่ยาก และไม่ค่อยพบเจอทั่วไปบ่อยนัก เริ่มผม จำ 10 คำต่อวัน เพียงวันละ 30 นาที 

หลายคนบอกว่าแค่ 10 คำง่ายๆ แต่ต้องเน้นคำว่า 10 คำนี้ เป็นความจำในระดับที่นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง (active words) ไม่ใช่แค่คุ้นๆ ที่นำเอาไปใช้งานไม่ได้ ไม่รู้จะนำไปใส่ในประโยคอย่างไร (passive words) หรือนำไปใช้อย่างผิดสถานะการณ์ที่มักเป็นปัญหาสำคัญของนักศึกษาที่ชอบท่องศัพท์โดดๆ นอกจากนั้นเทคนิคนี้ยังจำได้ในระดับที่อยู่ในสมองความจำระยะยาวด้วย

จากการรายงานของคุณ Gabriel คนที่ฝึกฝนจนชำนาญ สามารถจำได้มากกว่า 50 คำต่อวัน (แต่เขาไม่ได้ระบุระดับความยากของคำครับ)

ผมสรุปให้คร่าวๆดังนี้ครับ

  1. เตรียมคำศัพท์ที่ต้องการท่อง
  2. ใช้ Flash Cards
  3. ต้องทำ flash cards ด้วยตัวเองเท่านั้น
  4. ตั้งใจทำ อย่าทำส่งๆ
  5. หน้าแรก ให้ใช้รูป
  6. หน้าหลัง ให้เขียนคำที่จะจำ ที่มีความสำพันธ์กับรูปในหน้าแรก
  7. ถ้าเป็นไปได้ให้เขียนคำอ่านไว้หน้าหลัง ถ้าเป็นเสียงด้วยยิ่งดี
  8. ห้าม เขียนคำแปล ห้ามท่องคำแปล ใช้รูปแทนคำแปลเท่านั้น
  9. ให้ท่องโดยใช้ การท่องเป็นช่วงๆ (Space Repetition Technique) (ผมเคยเขียนเอาไว้แล้วในบทความเก่าๆ ลองหาดูครับ)
  10. ห้ามทวนโดยการอ่านซ้ำ (review) ใช้ใช้วิธีพยายามนึกเอาแทน (recall)
  • การหารูป ให้ค้นหาเอาจาก google image search ครับ เลือกเอาที่เหมือนคำแปลที่สุด
  • ถ้ามีเรื่องราวหรือประสบการณ์ส่วนตัวฝูกกับคำนั้นๆด้วย จะยิ่งจำได้ง่ายขึ้น (พยายามหาเรื่องใส่คำ ให้มันตลก ประหลาดเข้าไว้)
  • เน้นการออกเสียงให้ถูก ฟังคำอ่านให้ติดหู อย่าจำเป็นตัวอักษรตัวต่อตัว
ต้องทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดนะครับ เพราะทั้งหมดนี้มีเหตุผลมาจากงานวิจัยทางสมอง ไว้คราวหน้าผมจะมาบอกเหตุผลเป็นข้อๆว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ แม้ว่าจะไม่รู้เหตุผล แต่ถ้าทำตามขั้นตอนรับรองว่าศัพท์ไหนๆก็จำได้แม่นเลยหล่ะครับ

ใครอยากจะทราบรายละเอียดมากกว่านี้ สามารถหาอ่านได้จากหนังสือของคุณ Gabriel Wyner 


(ผมไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ แต่หนังสือเขาดีจริงๆ)


Sunday, April 27, 2014

รู้จักกับ Uptalk การพูดที่ไร้น้ำหนัก

คุณรู้จัก Uptalk ไหมครับ? Uptalk คือการพูดประโยคบอกเล่าให้มีท้ายเสียงสูงเหมือนกับประโยคคำถาม การพูดลักษณะนี้ฝรั่งถือเป็นการพูดที่น่าลำคาญ และไม่ควรนำมาพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการพูดเป็นทางการ การรายงาน แม้กระทั่งพูดในที่ทำงาน ถ้าจะให้เทียบกับภาษาไทยก็อารมณ์ประมาณพูด "แอ๊บแบ๊ว" น่ะครับ ดังนั้นลองสังเกตการพูดของตัวเองดูนะครับว่าใช้ uptalk อยู่หรือเปล่า

นี่คือวีดีโอตัวอย่างครับ



Tuesday, February 11, 2014

Tense เรียนอย่างไร

image from : www.really-learn-english.com

Tense คือเรื่องยอดฮิตที่คนไทยมีปัญหากันมาก เพราะว่าภาษาไทยไม่มี หรือมีก็ใช้ในรูปแบบอื่น
จะว่ากันจริงๆเรื่อง Tense ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย แต่ที่ดูยากเพราะว่าเราไปเรียนแบบผิดๆต่างหาก

"เราเรียนกันว่า Tense ต้องเป็นไปตามกฎต่างๆ และต้องมีรูปแบบเฉพาะ โดยเวลาจะใช้ในสถานะการณ์จริงๆก็ต้องมานั่งวิเคราะห์ว่าจะใช้ Tense ไหน ซึ่งทำให้รู้สึกเรื่องมากวุ่นวาย"

‪#‎ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจให้ถูกก่อนว่า‬ ฝรั่งเขาใช้ Tense กันอย่างไร
1. สมองจะคิดเป็นภาพ และเวลา (ก่อนมาแล้ว เรื่องเมื่อวานนี้ หรือว่ายังไม่เกิด )
2. เปลี่ยนภาพและเวลาในหัว ออกมาเป็นภาษาทันที
3. เขาไม่มีการวิเคราะห์เลยว่าเป็นเวลาอะไร ต้องใช้รูปไหน ปากมันจะวิ่งไปเองตามการตีความของสมอง

‪#‎เมื่อภาพที่เขาเห็นในสมอง‬
- เป็นเรื่องทั่วๆไป เห็นเป็นภาพสี -> ก็พูดประโยคแบบธรรมดาๆ (present simple)
- เห็นเป็นภาพสี แต่ [กำลัง] [จะ] ทำ -> สมองจะเตรียมคำว่า will เอาไว้
- เห็นภาพเคลื่อนไหว -> สมองจะเตรียม -ing เอาไว้
- เห็นเป็นภาพขาวดำ เมื่อวาน เมื่อเช้านี้ -> สมองจะเตรียม was เอาไว้
- เห็นเป็นขาวดำ [เคย] ทำ [แล้ว] แต่ไม่ได้เจาะจงเวลา -> สมองจะเตรียม Have เอาไว้
- เห็นเป็นขาวดำ [ทำมาตั้งแต่วันนั้นโน้น] [แล้ว] แต่ [ยังไม่เสร็จ] -> สมองจะเตรียม have been -ing เอาไว้

ส่วน Tense อื่นๆนอกจากนี้ มักไม่ค่อยเจอครับ มักจะพบกับพวกหนังสือนิยายเพราะว่าเป็น Tense สำหรับการเล่าเรื่อง ไม่ต้องไปพยายามจำให้ครับทั้ง 12 Tense นะครับ เดียวมันก็ลืมหมด เอาแค่นี้ให้ได้ก่อน

ถ้าได้ Tense ข้างบนคล่องๆ (คล่องหมายถึงสมองสามารถเห็นภาพและเวลา และตีความภาษาได้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ใช้สมองส่วนการวิเคราะห์) จะเข้าใจตัวอื่นๆได้ง่ายขึ้นมาก

‪#‎เราจะฝึกอย่างไรดี‬?
- อย่าพยายามวิเคราะห์!!
- อ่าน และฟังให้มาก ให้ต่อเนื่อง
- เมื่ออ่านไม่เพียงแต่สร้างความหมาย แต่ให้สร้างภาพตามสภาวะ Tense ที่เห็นด้วย
- หัดเล่าเรื่อง ชีวิตประจำวันตัวเองว่าพบเจออะไรมากอย่างง่ายๆ

‪#‎เจอฝรั่งแต่ยังไม่ได้‬ Tense ทำไงดี
1. ไม่ต้องตกใจ
2. ให้ใช้ present simple ไปเลย แล้วใส่เวลาตามหลัง (ดีกว่าอ้ำอึ้งคิดไม่ออก)
เพราะภาษาอังกฤษแบบ American นิยมใช้ present simple มาก
เช่น
- I eat a hot-dog this morning. ใช้ผิด แต่แค่คำว่า this morning เขาก็รู้แล้วว่าเป็นอดีต
- I go to shopping tomorrow. ใช้ผิด แต่เขาก็รู้ว่าเป็นอนาคต
- I go to Japan when I am five years old. ใช้ผิด แต่เขาก็เข้าใจว่าไปตอนยังเล็กๆ

3. แต่ถ้าสามารถใช้ได้อย่างถูกต้องถือว่าดี เพราะว่าเขาจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น