Wednesday, November 27, 2013

ฝึกภาษากับ Google Translate

เรียนภาษาเดียวนี้ทำได้ง่ายกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนมากๆ อินเตอร์เนตความเร็วความเร็วสูงหาได้ง่ายทั่วไป ที่สำคัญคือเดียวนี้มีโปรแกรมดีๆอย่าง Google ทำให้ชีวิตเราง่ายมากขึ้น

Google Translate เป็นโปรแกรมแปลภาษาที่มีชื่อเสียงทางด้านไม่ดี (infamous, notorious) อันเนื่องมากจากแปลภาษาไทยได้แย่ ความหมายผิดเพี้ยนไปหมดจนหลายคนตั้งชื่อเล่นให้มันว่า กูเกิ้ลขากเสลด แต่สำหรับผมโปรแกรมนี้สุดยอดเลยครับ วันนี้ผมจะมาบอกเทคนิคที่หลายคนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับ Google Translate โปรแกรมสุดเยี่ยมอันนี้กัน

คำศัพท์สำคัญครับ แต่การเปิดพจนานุกรมดูความหมายเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เข้าใจความหมายไม่ครบรอบด้าน ใช้งานไม่เป็น ตัวอย่างการใช้คำถือเป็นเรื่องจำเป็นต่อการเรียนรู้ แต่ตัวอย่างการใช้งานในพจนานุกรมก็มีน้อยเสียเหลือเกิน โดนเฉพาะอย่างยิ่งคำศัพท์เก่าๆ หรือศัพท์ยากๆ
จาก Longman dictionary

สมมุติว่าผมอยากจะเรียนรู้คำศัพท์ munificent ผมแค่พิมพ์ใส่ลงไปในช่องแปลเลยครับ

จะเห็นว่าหน้าจอมีเครื่องมือมากมายให้เราได้เรียนรู้
กดปุ่มข้างๆนี้เพื่อยดูตัวอย่างเพิ่มเติมการใช้งานได้


ถ้าตัวอย่างยังไม่เยอะสะใจ ก็กดขอตัวอย่างเพิ่ม (อันนี้ผมชอบมาก) ทำให้เราเข้าใจคำและการใช้คำอย่างชัดเจน


 นอกจากนั้น อย่าลืมที่จะฟังการออกเสียง ออกเสียงตามให้เหมือน ฟังหลายๆรอบหน่อย

ด้านขวาของช่องมีการบอกคำแปล (อย่าเชื่อถือมากครับ) ที่สำคัญคือมีหน้าที่คำบอกให้เรียบร้อย ในที่นี่คือคำคุณศัพท์

ยังไม่หมด ระบบยังมีคำเหมือนให้ดูเล่นๆอีกด้วย (อย่าเชื่อมากนะครับ เพราะแต่ละคำใช้งานไม่เหมือนกัน มีอารมณ์มีความหมายแฝงต่างกัน ถ้าจะใช้ให้แน่ใจจริงๆว่าเข้าใจคำนั้นๆอย่างถูกต้อง)

ที่สำคัญคือเราสามารถเก็บคำนั้นเอาไว้ทบทวนวันต่อๆไปได้  สำคัญมากต้องทบทวนครับ



จะเห็นว่าเวลากดเก็บแล้ว มันจะไปเก็บไว้ที่สมุดบันทึกของเรา



ส่วนคำแปลภาษาไทยถ้าเราเห็นว่าภาษาไทยแปลได้ถูกต้อง อย่าลืมประเมินให้ระบบด้วยนะครับ เพื่อให้การแปลภาษาไทยทำได้แม่นยำมากขึ้น ส่วนหนึ่งที่ระบบแปลได้แย่เพราะเราไม่ค่อยประเมินกันเท่าไหร่ คอมพิวเตอร์เลยไม่รู้ว่าอะไรคือแปลดี อะไรคือแปลแย่

***แถม***
เราสามารถหาความหมายของคำได้จาก google search ธรรมดาด้วยนะครับ จะได้รายละเอียดคำมากกว่า ให้ลองกดปุ่มใหญ่ๆข้างล่างกรอบ

จะเห้นข้อมูลมากมายให้เราเรียนรู้ ทั้งคำเหมือน คำตรงข้าม ต้นกำเนิดคำ ที่ผมชอบมากคือกราฟที่บอกว่าคำนี้นิยมใช้งานมากแค่ไหน ถ้าใช้งานกันเยอะๆ แสดงว่าสำคัญมากน่าจะจำให้ได้ดีๆ แต่ถ้าใช้งานกันไม่มากก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่ต้องจำมัน แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย


ลองดูครับ

Sunday, November 24, 2013

เครียด!!!! จัดการอย่างไรดี

image from : www.telegraph.co.uk
แน่นอนครับว่าเรียนภาษาสนุกก็จริง แต่หลายครั้งทำเครียด และเครียดมากเสียด้วย เวลาเรียนภาษาเรียนเท่าไรก็เหมือนว่าไม่พัฒนาขึ้นเสียที ทำมาตั้งนานแล้ว 3 เดือนผ่านไปแล้ว 4 เดือนผ่านไปก็แล้ว หลายคนก็เลิกที่จะเลิกล้มความตั้งใจกันไป  คนเรามีความสามารถทางภาษาทุกคนครับ เราสำเร็จได้ไม่ย่อท้อ 

แต่เมื่อความเครียดมันเกิดขึ้น เพื่อให้เราสามารถจัดการความเครียดเหล่านั้นได้อย่างมากขึ้น เราลองมาเข้าใจความเครียดกันดีกว่าครับ

ลองเข้าไปดูในวิดีโอนี้นะครับ แต่ผมขอสรุปให้สั้นๆสำหรับคนที่พื้นฐานน้อย (คนพื้นฐานเริ่มดีแล้ว ให้เข้าไปดูเองนะ อย่าอ่านแล้วผ่านไป ถือเป็นการฝึกภาษานะครับ! )




เราเคยเข้าใจกันมาว่าความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆมากมาย อาทิเช่นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมีอัตราการเสียชีวิตสูงจัดการกับความเครียด ซึ่งก็จริงตามนั้นครับ คนมีความเครียดจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าขึ้นถึง 30% 

แต่... ไม่จริงทั้งหมด คนที่เชื่อว่าความเครียดเป็นอันตรายต่อร่างกายเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบการเสี่ยงการตาย 

แต่ในทางกลับกัน คนที่มีความเครียดมาก แต่ไม่เชื่อว่าความเครียดมีอันตรายต่อร่างกาย กลับไม่ได้ผลกระทบใดๆกับร่างกายเลย

ฮอโมนอ๊อคซี่โทซิน เป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาเวลาเรากอดใครสักคน เป็นสารเคมีที่สร้างความสำพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวและเพื่อนฝูง และทำให้เราเป็นคนเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น

แต่เมื่อเราเกิดความเครียดขึ้น ฮอโมนนี้จะถูกปล่อยออกมามากมาย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลาเราเครียดเราจะคิดถึงคนที่เรารัก อยากจะคุยอยากจะกอดอยากจะพบหน้า

แต่หน้าที่สำคัญของฮอโมนอ็อคซี่นี้ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบหัวใจอันเนื่องมาจากความเครียด ช่วยให้กล้ามเนื้อต่างๆผ่อนคลาย และที่สำคัญคือช่วยให้เซลหัวใจซ่อมแซมจากความเสียหายอันเนื่องมาจากความครียด พูดง่ายๆคือเป็นฮอโมนที่ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น

ฮอโมนออกซี่โทซินทำงานได้ดี และปล่อยออกมามากขึ้นเมื่อเราได้คุยกลับคนที่เรารักคนที่เราห่วงใย

ดังนั้นเราควรปฎิบัติดังนี้ครับ
  1. ถ้ามีความเครียด ให้มีสติ และเชื่อมั่นว่าความเครียดคือการเตรียมพร้อมร่างกายให้พร้อมสู้ เผชิญต่อปัญหา 
  2. เพื่อคนที่เรารักพบกับความเครียด ให้เข้าไปคุย ไปปลอบโยน อย่าซ้ำเติม!
  3. ความคิด ความเชื่อของเรา สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ ดังนั้นคิดแต่เรื่องที่ดี ที่เป็นประโยชน์ อย่าด่าตัวเอง อย่าซ้ำเติมตัวเอง ให้ให้กำลังใจตัวเองจะดีกว่า


ง่ายๆ แค่นี้ ชีวิตก็จะมีความสุข อายุยืนยาว ทำอะไรก็จะประสบผลสำเร็จครับ

Tuesday, November 5, 2013

จดศัพท์อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ให้เข้าไปที่

http://www.ted.com/talks/julian_treasure_5_ways_to_listen_better.html

เปิด Captions ภาษาอังกฤษ น่าดูแล้วคำไหนไม่รู้จดคำศัทพ์เลยนะครับ

ผมจดให้ดูคราวๆ วิธีการจดให้จดมาทั้งประโยค
สัญลักษณ์แบบนี้ ## คือความหมายนะครับ ใครอยากจะใช้สัญลักษณ์อื่นก็ไม่ว่ากัน

We retain just twenty five percent of what we hear.
## To keep something or continue to have something.

ถ้ามันอยู่รวมกัน ให้ขีดเส้นทั้งยวง
 Let's define listening as making meaning from sound. It's mental process.
## Relating to state of someone's mind.

You would literally cease to hear it.
## According to the most basic meaning of a word or expression.

The world is now so noisy, with this cacophony going on visually and auditorily.
## A loud unpleasant mixture of sounds.

มันมักจะใช้คู่กับ take ก็หยิบมาทั้งหมดเลย
Many people take refuge in headphones.
# protection from something.


We're becoming impatient. We don't want oratory anymore.
## The skill of making powerful speeches.


We're becoming desensitized. Our media have to scream at us with these kinds of headlines in order to get our attention.
## To make someone react less strongly to something by making them become used to it.
## [ Desensitize somebody to something. ] (ถ้าเจอวิธีใช้ ก็จดไว้ด้วย )

อย่าลืมว่าหยิบมาทั้งยวง
And that mean's it's harder for us to pay attention to the quiet, the subtle, the understated.
## When you carefully listen to about something.

Just three minutes a day of silence is a wonderful exercise to reset your ears and the recalibrate so that you can hear the quiet again.
## พอเดาได้ก็เดาเอาครับ

Mundane sounds, for example tumble dryer.

อย่างคำนี้ถ้าเปิด Dict ภาษาไทยจะแปลว่า "เบื่อ"  ซึ่งอาจทำให้เอาไปใช้งานผิดได้ ดูจากประโยคที่เขาใช้ไม่น่าจะแปลว่าเบื่อเลยถูกไหมครับ

แต่ถ้าเปิด Dict ENG จริงๆแล้วมันเบื่อแนวๆแบบว่า
#It's boring because it is connected with things you do regularly as a part of your daily life.
ซึ่งถูกต้องเลย

ไม่จำเป็นต้องจดทั้งวิดีโอก็ได้ค่อยๆไป ถ้าไม่รู้คำมาก ก็เปลี่ยนวีดีโอ หรือไม่ก็ทำครั้งละ 2-5 นาที แต่ถ้ารู้เยอะก็ดูนานหน่อย ตามระดับภาษาของใครของมันนะครับ

อย่าท่องคำแปล ให้แค่รู้ความหมายและจิตนาการภาพฝังไปกับคำนั้นๆ แล้วเริ่มฟังซ้ำๆ จนกว่าจะเข้าใจ 90-100% ถือว่าสำเสร็จครับ

ถ้ายังไม่มั่นใจความหมายของคำนั้นๆ ให้ไปลองดูตัวอย่างประโยคในกูเกิ้ล จนกว่าจะมั่นใจความหมาย อย่าท่องคำแปล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าท่องคำแปลเป็นภาษาไทย เน้นเลยนะครับ ใครทำขอให้ใช้ภาษาอังกฤษผิดๆ ไปทั้งชาติ เพี่ยงๆๆ

ขั้นตอนสุดท้าย ทบทวนๆ จำได้ไหมครับทบทวนยังไง 
1. ทบทวนตามเวลา ( Spaced repetition )
5 seconds, 25 seconds, 2 minutes, 10 minutes, 1 hour, 5 hours, 1 day, 5 days, 25 days, 4 months, and 2 years.
2. พูดเป็นประโยคออกเสียงดังๆ
3. จิตนาการภาพ
4. หัดแต่งประโยคโดยเปลี่ยนคำนามง่ายๆ

ใครทำตามแนะนำ ขอให้ใช้ภาษาอังกฤษเก่งๆได้ไวๆ


ปล. เป็นวิธีการฝึกที่อิงจากงานวิจัยนะครับไม่ได้มั่วเอง ซึ่งทดสอบแล้วได้ผลจริง!